คำนาม หรือ Noun
Noun คำนาม คือ คำที่เราใช้เรียก คน สัตว์ สิ่งของ รวมไปถึงสิ่งที่เป็นนามธรรมอย่าง ความสุข ความเศร้า ความโกรธ ความรัก ความยุติธรรม (เรียกได้ว่าเป็นคำพื้นฐานที่สุดที่ใช้เรียกทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ก็ว่าได้ ^^)
เช่น man, woman, boy, girl, table, chair, phone, cat, dog, river, tree, Thailand, Bangkok, Jane, Mark, book, school, home, happiness, anger, justice, fear, love, intelligence, excitement
Common Nouns กับ Proper Nouns
Common Nouns คือ คำนามทั่วไป ใช้เรียก คน สัตว์ สิ่งของ หรือสิ่งที่เป็นนามธรรม แบบไม่เฉพาะเจาะจง
เช่น
- city เมือง (ไม่ได้ระบุว่าเมืองไหน)
- country ประเทศ (ไม่ได้ระบุว่าประเทศไหน)
- car รถยนต์ (ไม่ได้ระบุว่ารถยนต์ประเภทไหน คันไหน หรือยี่ห้ออะไร)
Proper Nouns คือ คำนามเฉพาะ ใช้เรียก คน สัตว์ สิ่งของ หรือสิ่งที่เป็นนามธรรม แบบเฉพาะเจาะจง (คือสามารถระบุตัวบุคคล สัตว์ สิ่งของ โดยเฉพาะเจาะจงได้) เช่น ชื่อคน ชื่อเมือง ชื่อประเทศ ชื่อแม่น้ำ ชื่อภูเขา ฯลฯ
จากตัวอย่างเดิม
- city (common nouns) à Bangkok กรุงเทพ (เป็น Proper Nouns หรือนามเฉพาะ เพราะระบุชัดเจนว่าเมืองไหน)
- country (common nouns) à Thailand ประเทศไทย (เป็น Proper Nouns เพราะระบุชัดเจนว่าประเทศไทย)
- car (common nouns) à Nissan นิสสัน (เป็น Proper Nouns เพราะเป็นชื่อยี่ห้อ ระบุชัดเจน ไม่ได้พูดถึงรถทั่วไป)
ข้อควรจำ
Common Nouns หรือนามทั่วไป ไม่ต้องขึ้นต้นคำด้วยอักษรพิมพ์ใหญ่ (Capitalized) เว้นแต่จะเป็นคำที่ขึ้นต้นประโยค
แต่ Proper Nouns ต้องขึ้นต้นด้วยตัวพิมพ์ใหญ่เสมอ เข่น Nick, Gift, Toyota, Chiangmai, Paris, Japan, Nile River, Rocky Mountains, Alaska ฯลฯ
Singular Nouns กับ Plural Nouns
Singular Nouns คือ นามเอกพจน์ หรือ นามที่มีคนเดียว สิ่งเดียว อันเดียว (only one)
Plural Nouns คือนามพหูพจน์ หรือนามที่มีหลายคน หลายสิ่ง หลายอัน (more than one)
การเปลี่ยนนามจากเอกพจน์เป็นหหูพจน์
หลักทั่วไป เติม -S ที่ด้านหลังคำนั้น เช่น จาก cats, girts, houses, phones, computers
ข้อยกเว้น
- คำนามที่ลงท้ายด้วย s, sh, ch, x หรือ z ให้เติม -es ด้านหลังนามนั้น เช่น buses, brushes, beaches, boxes, quizzes (หมายเหตุ คำที่ลงท้ายด้วย z ให้เติม z เพิ่มอีกหนึ่งตัวก่อนเติม es เช่น quizzes)
- คำนาทที่ลงท้ายด้วย f หรือ fe ให้เปลี่ยน f หรือ fe เป็น v ก่อนแล้วจึงเติม -es
เช่น
wife – wives
knife- knives
life- lives
wolf-wolves
หมายเหตุ ยกเว้น คำที่ลงท้ายด้วย f บางคำก็เติม s ได้เลย
เช่น
roof – roofs
safe – safes
gulf-gulfs
- คำนามที่ลงท้ายด้วย y และหน้า Y เป็นพยัญชนะ ( consonant + y) เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es
เช่น
family – families
library – libraries
- คำนามที่ลงท้ายด้วย y และหน้า y เป็นสระ (vowel + y) เติม s ได้เลยค่ะ
เช่น
monkey – monkeys
donkey-donkeys
highway – highways
- คำนามที่ลงท้ายด้วย o และหน้า o เป็นพยัญชนะ (consonant + o) ไม่มีกฎแน่นอน มีทั้งคำที่เติม es และ s ต้องอาศัยการใช้งานบ่อยๆ จะช่วยให้จำได้เองค่ะ
เช่น
potato – potatoes
hero – heroes
tomato – tomatoes
mosquito – mosquitoes
kilo – kilos
piano – pianos
photo – photos
- คำนามที่ลงท้ายด้วย o และหน้า o เป็นสระ ( vowel + o) เติม s
เช่น
scenario – scenarios
radio – radios
video – videos
- คำนามบางคำ ที่เมื่อเปลี่ยนจากเอกพจน์เป็นพหูพจน์จะมีการเปลี่ยนรูปไปจากเดิม
เช่น
Foot – feet
Tooth – teeth
Woman – women
Man – men
Child – children
Person – people
Goose – geese
Mouse – mice
- คำนามบางคำที่ใช้รูปเดิม ไม่ว่าจะเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์
เช่น
Sheep – sheep
Deer – deer
Fish – fish
Moose – moose
- คำนามบางคำ ต้องเป็นรูปพหูพจน์เสมอ
เช่น
Glasses (ที่แปลว่า แว่นตา)
Clothes
Pants
Shorts
Scissors
Binoculars
โอย ไหนจะกฎ ไหนจะข้อยกเว้น บางคำก็ไม่เข้ากฎเกณฑ์ข้อไหนเลย
ไม่ต้องตกใจไปนะคะ ค่อยๆ จำ ค่อยๆเรียนรู้ ทีละเล็กทีละน้อยไปเรื่อยๆ
ภาษาเป็นเรื่องของการฝึกฝนค่ะ ฝึกใช้บ่อยๆ พอเห็นคำนั้นหลายๆครั้ง เราจะค่อยๆจดจำได้เองค่ะ