Skip to content

Is Grammar Necessary ?

 

Is Grammar Necessary ?
แกรมม่าจำเป็นต่อการเรียนภาษาจริงหรือ

 Grammar จำเป็นมั้ย สำหรับการเรียนภาษา

แล้วเราจะเรียนรู้แกรมม่าด้วยวิธีไหนดี

 

เวลาพูดถึง Grammar คนส่วนใหญ่จะรู้สึกว่ายากและน่าเบื่อขึ้นมาทันที

และพอเรารู้สึกว่ามันไม่สนุก มันก็ยากที่จะไปต่อ

ทั้งนี้ เราต้องพยายามดึงสติตัวเองและบอกตัวเองว่า Grammar มันคือเรื่องของโครงสร้างของภาษา ดังนั้นไม่ว่าจะเรียนภาษาอะไร เราก็ไม่มีทางหนี Grammar พ้น

 

คำถามที่ว่า “การเรียน Grammar เป็นสิ่งจำเป็นมั้ย

แน่นอนว่าคำตอบของแต่ละคนก็คงจะแตกต่างกันออกไป

บางคนหลงใหลการเรียน Grammar มาก 

และรู้สึกสนุกกับการท่องจำกฎเกณฑ์ต่าง ๆ

 

ในขณะที่คนอีกกลุ่มนึง จะบอกว่า Grammar ไม่จำเป็นสำหรับการเรียนภาษา 

พูดได้ พอสื่อสารกันได้รู้เรื่องก็พอแล้ว

 

ความจริงคือ

คนทั้งสองกลุ่มนี้ ต่างก็เรียน Grammar ด้วยกันทั้งคู่ แต่แค่ทั้งสองกลุ่ม เรียน Grammar ด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน

 

วิธีแรก คือ

เรียนจากการจำกฎเกณฑ์ทั้งหลายทั้งปวงพร้อมกับคำอธิบายกฎเหล่านั้นและจากตัวอย่างประโยค

วิธีการเรียนส่วนใหญ่ที่เราถูกสอนมาในโรงเรียน ก็คือวิธีนี้แหละ

เราเรียนแกรมม่าก่อน ว่ากฎคืออะไร เช่น Present Perfect คืออะไร โครงสร้างเป็นแบบไหน ใช้เมื่อไร และลองแต่งประโยคตัวอย่างตามกฎเกณฑ์ที่เรียนรู้มา

 

วิธีที่สอง คือ

เรียนจากประสบการณ์  เรียนจากการใช้งานจริง 

วิธีนี้ จะว่าไปก็เป็นวิธีการเดียวกับวิธีที่คนเราเริ่มเรียนภาษาใด ๆก็ตามเป็นภาษาแรก เช่น  คนไทยก็เกิดมาและเริ่มเรียนรู้ภาษาไทยโดยวิธีนี้

เด็กเกิดใหม่ จะค่อยๆ จำคำพูดที่พ่อแม่หรือคนใกล้ตัวพูด เริ่มเลียนแบบเสียง เริ่มพูดได้เป็นคำและเป็นประโยค ซึ่งกระบวนการนี้ถูกทำซ้ำๆ สะสมต่อเนื่องกันไปเป็นเวลาหลายปี ซึ่งตอนเรายังเด็ก เราก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า Grammar คืออะไร

เราไม่ได้สนใจว่าเราใช้ประธาน กริยา กรรม หรือใช้รูปประโยคถูกหลักไวยากรณ์มั้ย เราก็แค่จดจำและเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ จนพอเราเติบโตขึ้นในระดับนึงเราจึงเริ่มเรียนภาษาในโรงเรียน เริ่มมีการสอน grammar แบบเป็นระบบระเบียบมากขึ้น

 

วิธีการนี้ ต้องใช้เวลาและการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง 

ให้มันค่อยๆ ซึมซับเข้าสมองไปเอง

 

ถ้าเทียบทั้งสองวิธีนี้จะเห็นว่า วิธีการแรก ใช้เวลาเรียนน้อยกว่าวิธีการที่สองมาก เนื่องจากเราสามารถใช้ grammar หรือกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เป็นทางลัดในการเรียนภาษาได้ เพราะ grammar มันเหมือนกับเป็นคู่มือที่เค้าสรุปรูปแบบต่าง ๆ ของประโยค หรือโครงสร้างภาษามาให้เราเรียบร้อยแล้ว แทนที่เราจะต้องไปใช้เวลายาวนานกว่าจะค่อยๆจับทางได้เอง

 

ส่วนตัวผู้เขียนเห็นว่า

ทั้งสองวิธี ไม่มีวิธีไหนดีไปกว่ากัน แต่ต้องใช้ทั้งสองแบบผสมกันไป แล้วแต่ความชอบ ความถนัดของแต่ละคน อาจจะเริ่มจาก Grammar พื้นฐานง่ายๆก่อน แล้วลองฝึกใช้งานจริง ฝึกแต่งประโยค ฝึกพูด ฝึกฟังเยอะๆ  ถ้าไปเจอรูปประโยคใหม่ๆ ที่ไม่เข้าใจก็ค่อยกลับมาศึกษา grammar เพิ่มเติม จะช่วยลดความสับสนและประหยัดเวลาไปได้เยอะมาก



สิ่งที่สำคัญ คือ อย่าท่องแต่หลักเกณฑ์อย่างเดียว อย่ามัวจมอยู่กับกฎยากๆ  อย่าเอาแต่นั่งปวดหัวกับหนังสือแกรมม่าหรืออะไรแบบนั้นเยอะเกินไป เพราะจะทำให้การเรียนภาษากลายเป็นเรื่องยากกว่าที่มันควรจะเป็น ลองฝึกจากการใช้งาน ดูหนัง ฟังเพลง ฟังข่าว ฟัง Podcast อ่านหนังสือ ฝึกพูด ฝึกแชทกับต่างชาติ  (หาเพื่อน หาแฟน อะไรก็ว่าไป แล้วแต่สะดวก 555)



สมัยนี้เทคโนโลยีต่างๆ มีอยู่รอบตัว เราสามารถเรียนภาษาได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยที่ไม่ต้องไปเสียเงินจ่ายค่าคอร์สเรียนภาษาแพงๆ  สื่อออนไลน์หลายช่องทางก็เข้าถึงง่ายมาก ไม่ว่าจะเป็น website, Facebook, IG หรือ แม้แต่ YouTube เอง ก็มีคนออกมาสอนภาษาให้ฟรีเยอะมาก

 

สุดท้ายแล้ว อยากเก่งอะไร ก็ต้องเสพย์เยอะๆ เอาตัวเองเข้าไปสัมผัสกับมันให้มากที่สุด ทุกอย่างต้องใช้เวลา ใช้การฝึกฝน ถ้าเราไม่ท้อเสียก่อน ยังไงเราก็ต้องทำสำเร็จจนได้นั่นแหละ

 

“The beautiful thing about learning is that nobody can take it away from you”  – B.B. King

ความงดงามของการเรียนรู้ คือไม่มีใครเอามันไปจากคุณได้